สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน

#วัฒนธรรมเกาหลี 

#ความเชื่อคนเกาหลี

#ร่างทรง #เรื่องผี

กระแสภาพยนตร์เรื่อง "ร่างทรง" ได้รับการตอบรับที่ดีจากคนเกาหลี และได้รับคำชมว่าน่ากลัวสุดๆ โดยเนื้อหาของเรื่องเป็นเรื่องราวของครอบครัวที่มีการสืบทอดจิตวิญญาณของร่างทรงกันในสายเลือด หลังจากได้ดูแล้วก็ทำให้เกิดสงสัยว่าที่เกาหลีมีร่างทรงและความเชื่อเหมือนของไทยหรือเปล่า?

วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวของร่างทรง เวอร์ชั่นเกาหลีและความเชื่อต่างๆ มาดูกันดีกว่าว่าร่างทรงของประเทศไหนจะน่ากลัวกว่ากัน......

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง｜สั่งซื้อสินค้าเกาหลี

"ร่างทรง" เวอร์ชั่นเกาหลี 

ร่างทรงของเกาหลี เชื่อกันว่าเป็นผู้ที่เชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณกับมนุษย์ในศาสนาโบราณของหมอผี (shamanism) ขณะที่พวกเขาทำพิธีกรรม เทพพระเจ้าจะลงมาบนร่างกายของพวกเขาเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์และเทพค่ะ 

cr.  한국학중앙연구원

ตามเชื่อของคนเกาหลี เชื่อว่าเทพเจ้าไม่ได้มีแค่องค์เดียวและจะแตกต่างกันไปตามและละพื้นที่ เช่น วิญญาณบรรพบุรษ, เทพเจ้าที่มาจากธรรมชาติ หรือแม้แต่ผี หากเป็นผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้าหรือไม่มีศาสนาพวกเขาก็จะนับถือผีแทนค่ะ 

cr. 오마이뉴스

เมื่อก่อนร่างทรงมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ถ้าเป็นชายจะถือว่าเป็น หมอ (박사 = ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ) แต่ตอนนี้ผู้ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับวิญญาณทุกคนถูกเรียกว่าเป็นร่างทรงทั้งหมดค่ะ  

พิธีการสำหรับการเข้าทรงได้ 

cr. 오마이뉴스

พิธีกรรมต่างที่ร่างทรงทำจะเรียกว่า "กช" (굿) เมื่อทำพิธีร่างทรงจะถวายเครื่องบูชาแก่เทพเจ้าและอธิษฐานขอให้มนุษย์โชคดีผ่านการแสดงต่างๆ ซึ่งการแสดงของร่างทรงมีหลากหลายวิธีการ เช่น เต้นรำขณะโบกผ้าสี, นั่งลงและร่ายคาถา, เต้นรำบนใบมีดคมที่เรียกว่า "จักดู" (작두) หรือเต้นรำบนกองไฟค่ะ

cr. mbc

ร่างทรงของเกาหลีจะแบ่งออกเป็นระดับตามงานที่ได้รับมอบหมาย อย่างร่างทรงผู้รับผิดชอบงานระดับชาติ เช่น ร่างทรงในเรื่อง The Moon Embracing the Sun จะถูกเรียกว่า "นกยอง" (녹영) และร่างทรงที่ทำพิธีเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัวหรือธุรกิจเรียกว่า ชอนชินกช (천신굿) นอกจากนี้ยังมีการทำพิธีเพื่อส่งคนตายเรียกว่า ชินฮนกช (진혼굿) ของผู้ตาย, พิธีเพื่อความสุขภายในบ้านเรียกว่า ซองจูกช (성주굿)  และพิธีเพื่อให้หายป่วยเรียกว่า พยองกช (병굿) ค่ะ

cr. 오마이뉴스

ตามความเชื่อของเกาหลีจะแบ่งร่างทรงออกเป็น 2 ประเภทคือ ร่างทรงเพื่อด้านศาสนา และร่างทรงด้านไสยศาสตร์ ซึ่งทั้ง 2 ประเภทได้รับการสืบทอดมาถึงปัจจุบันและแม้ว่าตอนนี้จะมีคนที่เชื่อเรื่องนี้น้อยลงก็ตาม แต่ก็มีร่างทรงบางคนที่ใช้การทำพิธีต่างๆเพื่อหาเงินค่ะ

แม้จะไม่มีการกำหนดเรทราคาของร่างทรงไว้แน่นอน แต่ร่างทรงที่มีชื่อเสียงก็สามารถหาเงินได้มากถึง 10,000,000 ล้านวอนต่อการทำพิธี 1 ครั้งค่ะ

ประวัติศาตร์เกี่ยวกับร่างทรงเกาหลี 

cr.  나만의 문화유산 해설사

ร่างทรงเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่สมัยโกโชซอน (고조선)  สามารถสันนิฐานได้จากระฆังทองสัมฤทธิ์และกระจกทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในพิธีการของร่างทรง ในเวลานั้นก่อนที่การเมืองและศาสนาจะแตกแยก อาจถือได้ว่าร่างทรงคือผู้นำชุมชนหรือผู้นำทางการเมืองค่ะ

แม้หลังจากที่มีการแบ่งยุคออกเป็น โกกูรยอ (고구려), แพคเจ (백제), ชินลา (신라) และการมีอยู่ของร่างทรงในเกาหลีก็ยังถูกสืบทอดต่อเรื่อยมาค่ะ  ตลอดเวลามีการจัดพิธีการที่เกี่ยวข้องกับร่างทรงในระดับชาติและพวกเขายังทำงานที่สำคัญมาก เช่น ทำนายอนาคตของประเทศ, แนะนำวิธีแก้ปัญหาหรือรักษาโรคด้วยพิธีกรรม ดังนั้นหมอผีจึงเป็นชนชั้นและอาชีพที่มีความสำคัญทางสังคมค่ะ

แต่ในยุคโกรยอ (고려) ตั้งแต่ปี 918 -1392 เกาหลีกลายเป็นประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ทำให้บทบาทของร่างทรงลดลงอย่างมาก แต่ว่ากันว่าบทบาททางการเมืองและการมีส่วนกับงานระดับชาติหรือการทำหน้าที่ทางศาสนายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องค่ะ

ในราชวงศ์โชซอนลัทธิขงจื๊อกลายเป็นศาสนาหลักของเกาหลี  ทำให้ร่างทรงเริ่มถูกละเลย จากมุมมองของลัทธิขงจื๊อบอกว่าร่างทรงไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นคนที่มีความเชื่อแบบโบราณและถือว่าเป็นสิ่งต้อยต่ำเปรียบเทียบกับ กีแซง,ทาส, คนขายเนื้อและตัวตลกค่ะ

แต่ความเชื่อเรื่องร่างทรงได้ถูกฝังอยู่ในชนชั้นสามัญชนและเจาะลึกเข้าไปในชีวิตของคนธรรมดา เนื่องจากลัทธิขงจื๊อเป็นการศึกษาและศาสนาที่เป็นประโยชน์ต่อบรรดาขุนนางและบัณฑิต และเป็นการยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ค่ะ

หลังจากนั้นในช่วงยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นร่างทรงก็ถูกกดขี่อย่างรุนแรง โดยญี่ปุ่นได้กดขี่วัฒนธรรมดั้งเดิมของคนเกาหลีทำให้คนเกาหลีไม่รู้สึกภูมิใจหรือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมค่ะ ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิบัติต่อความผู้ที่เกี่ยวข้องกับเชื่อทางไสยศาสตร์ว่าเป็นความเชื่อโชคลาง เรื่องไร้สาระและดูถูกค่ะ

cr. 인천일보

ปัจจุบันร่างทรงสมัยใหม่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก  อย่างแรคือ ร่างทรงทางวัฒนธรรมที่สืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาหลีผ่านการฝึกอบรมและการบำเพ็ญตนอย่างเหมาะสม อย่างเช่น คิม กึมฮี (김금화) ร่างทรงที่กลายมาเป็นต้นแบบของภาพยนตร์เรื่อง Manshin: Ten Thousand Spirits (만신) ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของชาติค่ะ

นอกจากนั้นยังมีร่างทรงที่เก่งๆมากมายในเกาหลี เช่น คิม ยุนซู (김윤수) ซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ถือมรดกโลกที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ในทางกลับกันก็มีร่างทรงหลอกลวงมากมายที่ทำเงินโดยเลียนแบบคาถาและการแสดงของร่างทรงค่ะ

วิธีการเป็นร่างทรงของเกาหลี 

cr. 오마이뉴스

ไม่ใช่แค่ว่าอยากจะเป็นร่างทรงก็สามารถเป็นได้ง่ายๆ เหมือนกับในเรื่อง "ร่างทรง" ที่เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติของร่างทรงเท่านั้นจะถูกคัดเลือก โดยจะมีอาการป่วยที่เรียกว่า "ชินบยอง" (신병) ซึ่งจะเกิดกับผู้ที่สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเทพกับมนุษย์ได้ค่ะ

โดยคนเหล่านี้จะเกิดจากการรวมตัวของผีและวิญญาณตามธรรมชาติเข้ามาสู่คนคนหนึ่ง ทำให้เกิดความเจ็บป่วยที่แสดงอาการทั้งทางจิตใจและร่างกาย มีอาการหลากหลายและต้องเจ็บปวดโดยไม่ทราบสาเหตุ ว่ากันว่าพวกเขาจะต้องพบเจอกับประสบการณ์หลอนๆ ภาพมายา, ภาพหลอน, เสียงประหลาดและแน่นอนว่าอาการเหล่านี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาแผนปัจจุบันค่ะ

cr. 경향신문

โดยอาการป่วยเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอน อาจจะเป็นคนแก่ เด็กหรือวัยกลางคน โดยปกติว่ากันว่าหากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นร่างทรง ลูกหลานรุ่นต่อไปก็จะมีโอกาสป่วยแบบนี้เช่นกันค่ะ

อาการป่วยเหล่านี้ถือเป็นคำสาปอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าในอดีตการเป็นร่างทรงจะเป็นอาชีพที่ได้รับการนับถือ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นร่างทรงอีกต่อไป ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ปฎิเสธโชคชะตาในการเป็นร่างทรงของตัวเอง บางคนอาจจะทำพิธีเพื่อให้พลังงานของร่างทรงออกจากร่างกาย ซึ่งมีคนที่ได้ผลและไม่ได้ผล ซึ่งคนที่ไม่ได้ผลก็ต้องรับชะตากรรมของตนเองค่ะ

cr. 옥황신전

โดยผู้ที่ยอมรับชะตากรรมก็จะได้รับพรจากเทพพระเจ้า เรียกว่า ชินเนลิม (신내림) คือการยอมรับของเทพพระเจ้าที่ถูกกำหนดโดยโชคชะตาเข้าสู่ร่างกาย ร่างทรงที่ทำพิธีนี้เรียกว่า "แม่ใหม่" หรือ "พ่อใหม่" และผู้ที่ได้รับพรจะถูกเรียกว่า ลูกสาวหรือลูกชายของเทพเจ้า (신딸, 신아들) ค่ะ

cr. 조선일보

เหล่าชินเนลิม (신내림) จะได้รับการอบรมและสั่งสอนจากพ่อใหม่และแม่ใหม่ เพื่อที่จะพัฒนาตนเองให้กลายเป็นร่างทรง และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีสถาบันเปิดสอนร่างทรงด้วยค่ะ

นี่ก็คือเรื่องราวของร่างทรง ตามความเชื่อของคนเกาหลี เราว่าความเชื่อบางอย่างก็คล้ายกับความเชื่อของไทยมากๆค่ะ แม้ว่าตอนนี้ร่างทรงในเกาหลีจะไม่ได้รับความนิยมเหมือนเมื่อก่อน แต่ร่างทรงก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเกาหลีมาจนถึงปัจจุบันค่ะ 

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

✨Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง｜สั่งซื้อสินค้าเกาหลี